วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2567

รีวิวเที่ยวไทย >> เมืองสะหวันนะเขต >> ดานัง >> ฮอยอัน >> เว้

ปล. รูปเยอะมากอัพไม่ไหว ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://drive.google.com/drive/folders/1vyNrjPHT8x8EUq68X8iRpczx9R5d-nfi?usp=sharing 

- วันแรกของการเดินทางออกจากบ้าน 27 ธันวาคม 2567 จากร้อยเอ็ดไปยังมุกดาหาร ถึงที่ฝากรถเที่ยงๆ ก็ข้ามเขตจากไทยไปลาวเข้าเมืองสะหวันนะเขต เดินเที่ยวรอบเมืองเพื่อดูบรรยากาศและพักกินข้าวเที่ยงกันก่อนจะไปยังเมืองเซโน อาหารเด็ดคือไก่ย่างเซโน นอนพักในเมืองสะหวันนะเขต เพื่อตอนเช้าวันที่ 28 จะได้ขึ้นรถบัสไปยังเมืองดานัง

  
 

- วันที่ 2 ของการเดินทางคือเช้า 28 ธันวาคม 2567 เดินทางออกจากเมืองสะหวันนะเขต ด้วยรถบัสของคนเวียดนามเพือไปยังเมืองดาดัง ซึ่งเป็นรถกึ่งนั่งกึ่งนอนมั้ง เรียกไม่ถูก เดินทางตั้งแต่ 9.00 ไปถึงขนส่งเลย คือเวลา 20.00 คือเดินทางยาวนานมาก ระหว่างทางมีจอดให้ฉี่กลางป่า ไม่งั้นก็ต้องรอไปฉี่ที่ด่านลาวบาว ซึ่งเป็นด่านที่ข้ามจากลาวไปเวียดนาม นานมาก อันนี้ใครไม่กล้าฉี่กลางป่าก็จะลำบากนิดหนึ่ง ส่วนตัวแล้วแวะฉี่กลางป่าแทบทุกครั้งรถจอด ผู้โดยสารส่วนใหญ่คนไทยเยอะเพราะคนไปเที่ยวหยุดยาวปีใหม่ มีฝรั่ง คนลาว คนเวียด ประปราย พอเราถึงด่านข้ามเขนลาว เวียดนามก็ต้องลงรถเพื่อทำการสแตมป์พาสปอร์ต อันนี้ก็ใช้เวลาสักพักและรถจอดให้เราพักกินข้าวด้วย เนื่องจากไปถึงด่านน่าจะสักบ่ายๆ แล้วอันนี้ลืมถ่ายภาพเก็บไว้ ได้มีโอกาสนั่งกินข้าวกับคนไทยอีก 2 คนเจอกันโดยบังเอิญมากๆ และพอขึ้นรถก็นั่งยาวไปอีกจนถึงดานัง ถึงประมาณสองทุ่มเลยทีเดียว เรากับพี่ก็หาที่พักเอาข้างหน้าจองเปลี่ยนไปเรื่อย โรงแรมคืนแรกพักใกล้ๆชายหาดของเมืองดานัง ค่าโรงแรมไม่แพงมาก 600 บาท 2 คนก็ตกคนละประมาณ 300 สิ่งแรกที่เข้าโรงแรมแล้วคือการออกมาหาข้าวกินก่อน เจอร้านใกล้ๆที่พัก กินก่อนเลยเพราะหิวมากหลังจากนั้นก็เดินเที่ยวรอบๆเมือง ฝนตกบ้างเล็กน้อยแต่ก็ใส่หมวกเดินเที่ยวได้ 

- วันที่ 3 ของการเดินทาง คือเช้า 29 ธันวาคม 2567 คือเที่ยวในดานังหลายที่เหมือนกัน ไฮไลท์คือการขึ้นกระเช้าเพื่อไปชม Golden Bridge แต่ฝนและหมอกหนักมากมองไม่ค่อยเห็นอะไร แต่คนก็ยังเยอะ แทบจะไม่มีที่เดิน ปล. ชาวเวียดนามไม่มีหยุดปีใหม่นะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีแต่ต่างชาติ จีน ฝรั่ง เกาหลี ไทย เวียดนามคือเจอน้อยมาก ฝรั่งคือมาเยอะสุดที่ Golden Bridge แต่ก็หลากหลายเชื้อชาติ หลังลงกระเช้าก็แวะกินข้าวที่ร้านดังที่ชายหาดก่อนจะนั่งรถต่อมายังเมืองฮอยอันก็ถึงเป็นเวลากลางคืนพอดี เรากับพี่ก็ได้เที่ยวตลาดกลางคืนที่ฮอยอันบรรยากาศและนักท่องเที่ยวเยอะมาก 

- วันที่ 4 ของการเดินทาง คือวันที่ 30 ธันวาคม 2567 เนื่องจากเมื่อวานมาถึงเมืองฮอยอันช่วงค่ำช่วงเช้าเลยตื่นมาเที่ยวฮอยอันเลย **** เดี๋ยวมาเขียนต่อ**** ตอนบ่ายเวลาประมาน 14.30 น. เรากับพี่ก็นั่งรถไฟต่อมายังเมืองเว้ ซึ่งมาถึงก็ค่ำพอดี เมืองนี้เป็นเมืองสุดท้ายของการเดินทางของเราและพี่ เราชอบเมืองนี้มากเนื่องจากมีสุสานเก่าเยอะ ไปไม่ครบทั้งหมดคิดว่ามีโอกาสก็จะแวะไปเมืองเว้อีกสักครั้ง ปล. ถ้าใครสนใจจะไปเที่ยวเมืองเว้ด้วยบอกมาได้นะ เราก็อยากไปอีก

- วันที่ 5 ของการเดินทาง คือวันที่ 31 ธันวาคม 2567 อันนี้คือเที่ยวช่วงเช้าไปสุสานต่างๆ เยอะมาก  และตอนเย็นก็เคาท์ดาวกลางเมืองเว้ บรรยากาศดีมากๆ **** เดี๋ยวมาเขียนต่อ****

- วันที่ 6 ของการเดินทาง คือวันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นวันสุดท้ายของการเดินทาง เราก็นั่งรถบัสจากเมืองเว้กลับไปยังเมืองสะหวันนะเขต ซึ่งรอบนี้เป็นรถบัสของคนลาว จะไม่เป็นรถกึ่งนั่งกึ่งนอนแล้ว จะเป็นรถนั่งยาวๆ นั่งจนปวดหลัง แต่ดีหน่อยคนลาวจอดให้เข้าห้องน้ำตามร้านอาหารหรือบ้านคน ซึ่งดีกว่าขาไปมากต้องฉี่กลางป่า อันนี้แล้วแต่คนถนัดนะถ้ากลั้นไหวก็ยาวไปถึงด่านได้ แต่เราแวะได้ทุกที่ ถึงด่านลาวก็มืดค่ำ ประมาณ 17.30 เรากับพี่ขึ้นรถบัสเพื่อข้ามจากลาวมาไทยรอบ 18.00 เลยพอมาถึงฝั่งไทย ก็ขับรถกลับบ้านต่อเลย คือไม่ได้เหนื่อยมาก แต่ถ้าใครเหนื่อยมากก็พักได้ที่มุกดาหารหรือจะเลือกนอนที่ฝั่งลาวก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก สิ่งเดียวที่รู้สึกว่าแพงมากในการเดินทางครั้งนี้คือค่าฝากรถ เพราะฝากตกคืนละ 250 บาทเลย ปกติเราข้ามด่านหลายด่านมาก ที่อุบลราชธานี หนองคาย นครพนม สุรินทร์ (อันนี้ข้ามไปนครวัดนครธม) น่าน (ไปถึงแต่ช่วงนั้นโควิดเขาไม่ให้นักท่องเที่ยวข้ามเลยไม่รู้ราคา) ก็ตกคืนละ 100 บาท แต่ฝั่งมุกดาหารคือโหดมาก

******** พักไว้ก่อนเดี๋ยวมาเขียนต่อ