วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568

รีวิวการเดินทางจากไทยไปอเมริกาเข้าเมือง Seattle

        สำหรับการรีวิวการเดินทางเข้าอเมริกาในครั้งนี้หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับหลาย ๆ ท่าน
- การเดินทางครั้งนี้บินด้วยสายการบิน EVA Airways โดยการเดินทางไฟล์ทบินเริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ บินเวลา 15.10 น. ถึงไทเปที่เวลา 20.00 น. 
- สิ่งแรกที่ทำคือการเข้าไปเชคอินที่เคาท์เตอร์ สำหรับคนที่จะเดินทางไปอเมริกา จำเป็นต้องแสดงวีซ่าที่ติดอยู่กับพาสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นเล่มเก่าหรือเล่มใหม่ต้องพกติดตัวเสมอ และสิ่งที่สำคัญจะต้องมีที่อยู่ปลายทางสำหรับการเข้าพัก อันนี้จากประสบการณ์บินหลายครั้งจะโดนถามตลอด และบางครั้งจำเป็นต้องมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อปลายทางด้วย ส่วนกระเป๋าที่โหลดก็ห้ามพกพวกแบทเตอรี่ในกระเป๋ากับอาหารที่่เป็นเนื้อทุกชนิด อาจจะเสี่ยงโดนตรวจตอนเข้าเมกาได้สำหรับพวกเนื้อสัตว์ต่าง ๆ 
- หลังจากที่ดำเนินการตรวจสอบเอกสารต่างๆ และพร้อมรอขึ้นเครื่องก็ไปรอบินที่เกท และบินไปยังไทเป สำหรับรอบนี้ ด้วยสายการบิน EVA Airways เมื่อถึงไทเปแล้วการเข้าเมืองก็ไม่มีความยุ่งยากใด ๆ แต่จำเป็นต้องตรวจ security ในสนามบินเพื่อไปรอการบินไปยังอเมริกาอีกรอบ ไทเปนี้ไม่จำเป็นต้องทำการสแกนพาสปอร์ต เหมือนที่ ตม. เกาหลี อันนี้จากประสบการณ์การเดินทาง ถ้าเป็นสายเกาหลีต้องมีการยิงพาสปอร์ต เพื่อทำการรีเชคอีกรอบและอาจจะมีการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ด้วย
- โดยรวมสนามบินของไทเป เนื่องจากไปถึงช่วง 20.00 แล้ว ร้านค้าที่เป็นร้านอาหารต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีเปิดให้รับประทานเท่าไรนัก แต่โดยรวมการเดินต่อเกทจากที่ตรวจ security ในสนามบินนั้นหาได้ง่ายและสะดวก
************************************



- หลังจากนั้นก็ไปรอบินจากไทเป ไปยัง Seattle อเมริกา อันนี้น่าจะเป็นความโชคดีในการเดินทางเนื่องจาก EVA Airways เที่ยวนี้ที่นั่งว่างเยอะ จึงได้นอนยาวจากไทเปไปจนถึง Seattle เลย ซึ่งเวลาบินโดยรวมประมาณ 10h 50m duration ทำให้การเดินทางไม่เหนื่อยมาก 
- เมื่อถึงสนามบิน Seattle จากมุมมองของผูเดินทางถือว่าเป็นสนามบินที่ใหญ่มากเนื่องจากระยะเวลาที่เดินจากการลงเครื่องไปยังสถานที่ตรวจคนเข้าเมืองนั้นใช้เวลาประมาณ 10 นาที ด้วยการเดินและป้ายต่าง ๆ มีบอกไว้ชัดเจนมากจึงไม่เสียเวลา 
************************************



- การเข้าเพื่อตรวจคนเข้าเมืองใน Seattle แตกต่างจาก ตม. อื่นๆ ที่เคยผ่านมาเนื่องจากต้องได้ไปนำกระเป๋าที่โหลดมาจากที่ไทยเข้าไปตรวจด้วย แตกต่างจาๆที่ ตม นิวยอค ชิคาโก้ และบอสตัน ที่เคยผ่านมา และอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือตำแหน่งโต๊ะที่นั่งของคนตรวจคนเข้าเมืองจากปกติ คนตรวจจะนั่งที่สูงกว่าเราที่เข้าเมืองแต่ที่ Seattle คนตรวจคือนั่งโต๊ะที่ต่ำกว่าเราที่เป็นคนตอบคำถาม ซึ่งทำให้ความรู้สึกการตรวจเข้าเมืองในครั้งนี้รู้สึกไม่กดดันมากนัก 
- มาสู่คำถามในการเข้าเมืองครั้งนี้ เอาเท่าที่จำได้ คือ ถามว่ามาพักนานเท่าไร แล้วจะไปไหนต่อ ไปหาใคร แล้วปกติพักอยู่ที่ไหนก่อนเดินทางเข้าเมกา พกเงินมาเท่าไร ในกระเป๋าที่นำมาไม่มีพวกเนื้อสัตว์ใช่ไหม อันนี้คือคำถามพื้นฐานทั่วๆ ไป แต่รอบก่อนหน้านี้เราโดนหนักมากที่อีก ตม หนึ่ง เดี๋ยวจะรีวิวในโพสต่อไป ระหว่างที่ยืนตอบคำถามอยู่นั้นก็จะมี K-9 เดินมาดมเราและกระเป๋าเรื่อยๆ จริงๆ K-9 เขาตรวจตั้งแต่ตรงรอเอากระเป๋าออกจากรางแล้ว แล้วก็มาดมอีกรอบตอนยืนตอบคำถามประมาณนี้ พอตอบเสร็จเราก็ออกจากที่ตรวจคนเข้าเมือง
- เมื่อออกจากที่ตรวจคนเข้าเมืองเราก็ต้องนำกระเป๋าเดินทางไปยังสถานที่ Bag drop ต่ออีกรอบเนื่องจากเรายังมีไฟล์ทบินต่อไปยัง Indianapolis ต่อ อันนี้บินในประเทศก็เข้าตรวจ security ในสนามบินตามปกติซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละสนามบินว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน เช่น ถอดรองเท้าไหม ถอดเสื้อคลุม หรือพวกนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ ไอแพด ต้องออกจากกระเป๋าไหม แต่ที่จะเหมือนกันทุกสนามบินคือถ้าเดินทางมาแบบมีเด็กด้วยต้องเข้าช่องตรวจแบบพิเศษ ในความรู้สึกส่วนตัวนะอเมริกาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเด็กๆ มาก 
- หลังจากผ่าน security ในสนามบิน เป็นที่เรียบร้อยเราก็ไปรอที่เกทเพื่อเดินทางไปยัง Indianapolis อันนี้สำหรับคนที่ได้ตั๋วมาจากไทยเลย หรือจากที่ไกลๆเลย อาจจะต้องรีเชคเกทการขึ้นเครื่องใหม่นะ เนื่องจากอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดที่อเมริกา ของเราเกทก็เปลี่ยน แต่ก็สามารถเชคจากบอร์ดในสนามบินได้หรือเชคผ่านโทรศัพท์มือถือได้ตลอด และอีกอย่างตั๋วที่เราได้มาเนื่องจากมันเกิน 24 ชั่วโมงอาจจะต้องมีการตีตั๋วการบินใหม่ที่ information ของเกทที่จะขึ้นเครื่องด้วย แต่ไม่ต้องกังวลพวกที่นั่งต่าง ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อาจจะต้องเปลี่ยนแค่เป็นตั๋วการบินของสายการบินนั้น ๆ เพราะเราบินสายการบินของ Alaska Airlines เพราะตอนได้ตั๋วได้มาจาก EVA Airways ที่มาจากไทย
************************************
            ปล. ภาพประกอบอาจจะไม่เยอะเท่าไรเพราะมัวแต่ทำนั่นนี่เยอะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น